เที่ยวหลวงพระบาง เมืองสโลว์ไลฟ์ จากไทยแลนด์บ้านเราไปหลวงพระบางได้ทั้งทางบก ทางน้ำ และอากาศ ถ้ามีเวลามากหน่อยการเดินทางด้วย เรือช้าเป็นอะไรที่สุนทรีย์มาก เมื่อแปดปีก่อนตอนไปหลวงพระบางครั้งแรก เราก็เลือกเดินทางด้วยเรือช้านี่แหละ จากเชียงของ จ.เชียงราย ข้ามฝั่งไปห้วยทราย สปป.ลาว แล้วนั่งเรือไปหลวงพระบาง เป็นเวลารวมสองวันหนึ่งคืน (แวะนอนที่ปากแบง สปป.ลาว)
ถ้าไม่ชอบนั่งเรือ จะเลือกเดินทางด้วย รถโดยสาร ก็ได้ ข้ามฝั่งที่หนองคายเข้าเวียงจันทน์ วิ่งรถยาวๆ ไปจนถึงหลวงพระบางใช้เวลาราวๆ 10 ชั่วโมงขึ้นไป ช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับอากาศและสภาพถนนในช่วงนั้นๆ
แต่วิธีเดินทางที่สะดวกที่สุดก็ต้องทาง เครื่องบิน นี่ล่ะ ใช้เวลาแค่ 1 ชั่วโมง 30 นาที เท่านั้นเอง มีหลายสายการบินทั้งแบบ Full Service และ Low Cost เลือกได้ตามชอบ เช็คราคาและจองตั๋วเครื่องบินกับ Traveloka จบง่ายๆ ได้ในสมาร์ทโฟนแค่ไม่กี่ขั้นตอนเท่านั้นเอง
นอนไหนดี ที่หลวงพระบาง
ด้วยความที่เป็นเมืองท่องเที่ยว ทำให้มีที่พักหลายแบบหลายราคาให้เลือก ตั้งแต่โรงแรมห้าดาวสุดหรู ไปจนถึงเฮือนพักราคาย่อมเยาว์ ทริปนี้เราเลือกจองที่พักกับ Traveloka เพราะว่าราคาดีแล้วยังมีโค้ดส่วนลดเป็นโปรโมชั่นเพิ่มอีก ราคาที่โชว์ก็เป็นราคาสุดท้ายแล้ว ไม่มีบวกเพิ่มอะไรอีกทั้งสิ้น โดยในหน้าของโรงแรมที่เราเข้าไปดู จะมีแผนที่บอกระยะทางสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้กับที่พักด้วย ไม่ต้องเปิดเช็คทาง google map อีกรอบ สะดวกมากๆ เลยล่ะ
6จุดเช็คอิน
1.พระราชวังหลวงพระบาง พิกัด : พระราชวังหลวงพระบาง ถนนศรีสว่างวงศ์
ให้เข้าชม 2 ช่วง : เช้า 08.00-11.30 น. และ บ่าย 13.30-16.00 น. ค่าเข้าชม 30000 กีบ ปิดทุกวันอังคาร
2.วัดเชียงทอง พิกัด : วัดเชียงทอง ถนนสักรินทร์ ค่าเข้าชม 20000 กีบ
3.พระธาตุพูสี พิกัด : พระธาตุพูสี ค่าเข้าชม 20000 กีบ
4.ตลาดมืด พิกัด : ตลาดมืด
5.ตาดกวางสี หรือ น้ำตกกวางสี พิกัด : ตาดกวางสี
การเดินทาง : เราเหมารถ mini van พร้อมคนขับครึ่งวัน โดยติดต่อทางที่พักจัดหาให้ในราคา 1100 บาท
เปิด 06.00-17.30 น. ค่าเข้าชม 20000 กีบ
6.ตลาดเช้า พิกัด : ตลาดเช้า
ทริปล่าสุดในครั้งนี้ หลวงพระบางยังคงมีเสน่ห์มัดใจให้อยากกลับไปอยู่เสมอ ทั้งวิถีชีวิต ประเพณี ศิลปวัฒนธรรม ธรรมชาติ อาหารท้องถิ่น รวมๆ แล้วมันถูกจริตไปเสียทั้งหมด อยากไปอีกตอนนี้เลยจริงๆ
